
รีวิว ซาวด์แทร็ก นัมเบอร์วัน | Soundtrack #1 (2022)
- Pink Panther
- 97 views
ซาวด์แทร็ก นัมเบอร์วัน (Soundtrack #1) ซีรีส์โรแมนติก-มิวสิคัล หวานกำลังดี ที่เป็นการจับคู่กันครั้งแรก ของนักแสดงระดับดาวรุ่งอย่าง ฮันโซฮี x พัคฮยองชิก ที่จะมาบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเส้นแบ่งระหว่างมิตรภาพ และความรัก!
ซาวด์แทร็ก นัมเบอร์วัน หรือชื่อในภาษาอังกฤษว่า “Soundtrack #1” เป็นซีรีส์ทางโทรทัศน์ของเกาหลีใต้ ที่เผยแพร่ครั้งแรก บนสตรีมมิ่ง Disney+ Hotstar ตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม ไปจนถึง 13 เมษายน 2022 [1] ก่อนหน้า Doctor Slump
ซึ่งเป็นซีรีส์แนวโรแมนติก-มิวสิคัล ความยาว 4 ตอน ตอนละประมาณ 40 นาที ที่บอกเล่าถึงเรื่องราวของเพื่อนสนิท ซึ่งคบหากันมามากกว่า 20 ปี แต่อยู่ ๆ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ได้เปลี่ยนไป จากผลงานการกำกับของ “คิมฮีวอน” [2]
ที่มา: Soundtrack1 [3]
เป็นเรื่องราวระหว่าง อีอึนซู (รับบทโดย ฮันโซฮี) หญิงสาวนักแต่งเพลง ที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียงในวงการ แถมยังถูกโปรดิวเซอร์ปฏิเสธงาน เนื่องจากเพลงแอบรักข้างเดียวของเธอ ดูโลกสวย และขาดความสมจริง ซึ่งขัดกับนิสัยของเธอที่เป็นคนเปิดเผย
แต่เมื่อได้โอกาสสร้างผลงานเพลงเป็นครั้งที่สอง เธอจึงตัดสินใจขอร้อง ฮันซอนอู (รับบทโดย พัคฮยองชิก) ช่างถ่ายภาพ โปรไฟล์ดี ที่เป็นเพื่อนกันมา มากกว่า 20 ปี ให้ช่วยอยู่กับเธอเป็นเวลา 2 สัปดาห์ตลอดการแต่งเพลง จนเกิดเป็นความรักขึ้น!
รายชื่อนักแสดง
ที่มา: รีวิว Soundtrack1 มิวสิคัลซีรีส์จาก พัคฮยองชิก x ฮันโซฮี [4]
จากผลสำรวจพบว่า ซาวด์แทร็กนัมเบอร์วัน มีการให้คะแนนรวมอยู่ที่ 8.3/10 จากผู้ใช้งานทั้งหมด 27.4k ที่อิงมาจากข้อมูลเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2025 ซึ่งในส่วนของรีวิวเชิงบวก และเชิงลบจะออกมาเป็นอย่างไร สามารถตามไปดูรายละเอียดได้แล้ว ดังนี้
คลิ๊กเพื่ออ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่ mydramalist
สรุป ซาวด์แทร็กนัมเบอร์วัน ซีรีส์เกาหลีแนวโรแมนติก-ดนตรีซึ้ง ๆ ที่จะมาถ่ายทอดเรื่องราวความรัก และมิตรภาพระหว่างเพื่อนสนิท ที่คบกันมากว่า 20 ปี ด้วยความยาวทั้งสิ้น 4 ตอนจบ ที่สามารถรับชมซับไทยได้แล้ว ทาง Disney+ Hotstar
ซาวด์แทร็กนัมเบอร์วัน เป็นซีรีส์ที่เหมาะสำหรับผู้ชมที่มีอายุตั้งแต่ 13 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะกับเพื่อน ๆ คนไหน ที่ชื่นชอบซีรีส์แนวโรแมนติก ดราม่า และดนตรี ที่มีการดำเนินเรื่องอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่เร่งรีบ ซีรีส์เรื่องนี้เหมาะกับคุณ
ตอบคำถาม ซาวด์แทร็กนัมเบอร์วัน สนุกไหม? สำหรับใครที่กำลังมองหาซีรีส์แนวโรแมนติก ที่เรียบง่าย และมีความยาวไม่เกิน 1 ชั่วโมงในแต่ละตอน เรื่องนี้อาจตอบโจทย์เรื่องการดูเพื่อฆ่าเวลา มากกว่าการเป็นซีรีส์ที่ดูเพื่อความสนุก